ป้อมพระสุเมรุ

Suporn Kulwatnantachai พระอารามหลวงขนาดใหญ่​พอควร​ ประดิษฐาน​หลวงพ่อสัมฤทธิ์​ ซึ่งคู่กับพระสุโขทัย​ไตรมิตร เดิมชื่อว่าวัดไผ่ล้อม​ ไม่ทราบประวัติและนามผู้สร้าง​ สร้างขึ้นสมัยต้นรัชกา​ลที่​ 1​ ต่อมา​สมัย​รัชกาลที่​ 8 ทางราชการได้เวณคืนที่ดินตำบลคลองเตย​ ซึ่งวัดเงินตั้งอยู่​ เพื่อสร้างท่า​เรือ​กรุงเทพ​ฯ​ ด้วยเหตุนี้​ วัดเงินจึงได้รื้อเสนา​สนะมารวมสร้างกับวัดไผ่ล้อม​ แล้วเปลี่ยนนามเป็นวัดไผ่เงิน​ ปีต่อมาทางวัดได้อัญเชิญหลวงพ่อ​สัมฤทธิ์​ ซึ่งเป็นพระประธาน​จากวัดโชติการาม​ (วัดพระยาไกร)​ ที่ได้กลายเป็นวัดร้าง​ พร้อมกับย้ายเสนาสนะมา​รวมสร้างที่วัดไผ่เงิน​ จึงเท่ากับเป็นการรวม​ 3 วัด​เข้าไว้ด้วยกัน​และได้เปลี่ยนนามเป็นวัดไผ่​เงิน​โชตนาราม​ ต่อมาปลายสมัยรัชกา​ลที่​ 9 ได้รับการยกสถานะเป็นพระอารามหลวง​ ตั้งอยู่​ในซอยจันทร์​ 43 หากเข้าจากซอยสาธุประดิษฐ์​ 20​ สุดซอยเลี้ยวขวา​ เลยโบสถ์​นักบุญ​ยอแซฟไม่ไกลวัดจะอยู่ซ้ายมือ​ เมื่อเข้าวัดจะมีลานจอดรถขนาดใหญ่​ หลังกำแพงแก้วจะเห็นพระอุโบสถ​ทรงจตุร​มุข​ มี​ช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ หน้าบันเป็นรูปพระนารายณ์​ทรง​ครุฑ​ หันหน้าไปทางทิศเหนือสู่ซอย​ ใบเสมาอยู่ใน​ซุ้ม​จตุร​มุข​ยอดเจดีย์​ 8 ทิศ​ ไม่ได้เปิดให้เข้า​ ทางซ้ายพระอุโบสถ​มีพระวิหารทรงจตุรมุข​ ไม่มีช่อฟ้า​ มีแต่ใบระกา​หางหงส์​ วิหารเปิดโล่ง​ เสาวิหารกลมสลักอักษรจีน​ มีหลวงพ่อ​สัมฤทธิ์​ พระปางมารวิชัย​เก่าแก่สมัยสุโขทัย​เป็นพระประธาน​ พร้อมพระ​อัครสาวก​นั่ง​สอง​ข้าง​ สองข้างยังมีพระปางมารวิชัย​องค์​ใหญ่​และพระปาง​อื่นอีกหลายองค์​ ในวันขึ้นปีใหม่ของทุกปีจะมีงิ้วแสดงตลอด​ 3 วัน​ 3 คืน​ หน้าพระวิหารทางซ้ายริมประตู​ มีวิหารสองชั้นทรงจตุร​มุข​ยอดมณฑป​ ด้านบนมี​พระปาง​มารวิชัย​ ด่านล่างมีเทวรูป​ที่คนมาบูชา​กัน เมื่อสัปดาห์​ก่อนผมมาไหว้พระเก้าวัดแถบบางคอแหลม​ วันนี้ผมมาไหว้พระต่อแถบยานนาวา​ เริ่มจากวัดไผ่เงิน​ แล้วจะไปต่อวัดไทรครับ

Suporn Kulwatnantachai วัด​โบราณ​ขนาดไม่ใหญ่​​ สร้าง​ขึ้นโดย​น้องสาวผู้​ที่​เค​ยร่ว​มสร้าง​วัด​บางขุน​เทียน​นอก​ ตั้งแต่​สมัย​อยุธยา​ตอนปลาย​ วัดถูกทิ้งรกร้างมานาน​ จนกระทั่ง​ในช่วงปลายสมัยรัชกา​ลที่​ 3​ พระอธิการ​วันได้ปฏิสังขรณ์​ขึ้น​มา​ใหม่​ พร้อมกับ​วัดบางขุน​เทียน​นอก​ วัดตั้งอยู่​ริมคลองบางขุน​เทียน​ฝั่งตะวันตก​ ทางทิศใต้วัดบางขุน​เทียน​นอก​ ในซอยพระราม​ 2 ซอย​ 28 เมื่อเช้าวัดจะเห็นพระอุโบสถ​ แบบพระราช​นิยม​สมัย​รัชกา​ล​ที่​ิ​ 3​ ไม่มี​ช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ หน้าบัน​ปูนปั้น​ลาย​พันธุ์​พฤกษา​ หันหน้า​ไป​ทางทิศ​ตะวันออก​สู่​คลอง​ มีพาลัยทั้งด้านหน้าและหลัง เสาย่อมุม​ไม้​สิบสอง​ หัวเสามีบัวแวง​ ประตู​และ​หน้าต่าง​มี​ซุ้ม​ปูนปั้น​ ไม่ได้เปิดให้เข้า​ ระหว่างประตู​หน้า​มี​พระปางสมาธิ​ ประดิษฐาน​อยู่​ในซุ้ม​จตุร​มุข​ มีเจดีย์​รายย่อมุม​ไม้​สิบสองสีขาว​ 2 ข้าง​ ข้างละ​ 4 องค์​ ด้านหน้ามีศาลาท่าน้ำ​ 5 หลัง​ มีหลังหนึ่งชาวบ้านเรียกว่าศาลายาว​ มีเรื่องเล่าว่ารัชกาล​ที่​ 5 เค​ยเสด็จ​ประพาสต้นมาแถวนี้หลายครั้ง​ โดยแต่งตัวแบบคนจีน​ ใส่เสื้อกุยเฮงนุ่งกางเกงผ้าแพรปั๋งลิ้น​ เสด็จออกช่วงเช้าเข้า​ถึงบางขุน​เทียนตอนกลางวัน​ เข้ามาทางแม่น้ำเจ้าพระยาดาวคะนอง​ ขากลับคลองสนามชัยคลองด่านในตอนเย็น​ ด้านซ้ายมีศาลาการเปรียญ​ไม้​ 2 ชั้น​ หน้าวัดทางขวามีซอยเดินไปมีสะพานข้ามคลอง​ไปวัดบางขุนเทียนในได้ เมื่อสัปดาห์​ก่อนผมได้มาไหว้พระ​ 9 วัดแถบราษฎร์​บูรณะ​ วันนี้เป็นช่วงตรุษจีน​ผมมาไหว้พระต่อแถบจอมทอง​ เริ่มจากวัดบางขุนเทียนใน​ ก่อนข้ามมาวัดบางขุน​เทียนนอกและวัดบางขุน​เทียนกลาง​ แล้วจะเดินเข้าพระราม​ 2 ซอย​ 28 ข้ามคลองสนามชัยไปวัดบางประทุนนอกครับ

Suporn Kulwatnantachai พระอาราม​หลวง​ขนาดใหญ่​พอควร​ เป็นวัดโบราณที่สร้างมาตั้งแต่​สมัย​อยุธยา​ เดิมชื่อว่าวัดท่าเกวียน​ เนื่องจากเคยเป็นที่พักแรมของ​กองเกวียนที่เดินทางเข้ามาค้าขายในกรุงเทพ​ แต่ต่อมาชาวบ้านก็เรียกชื่อวัดนี้ว่าวัดตะเคียน​ สันนิษฐาน​ว่าเรียกชื่อวัดตามต้นตะเคียนที่ขึ้นหนาแน่น​ ต่อมาในสมัยรัชกา​ลที่​ 4​ ครั้งยังเป็นวชิรญาณภิกษุได้เสด็จมาพระราชทานผ้าป่าที่วัดนี้​ ในคราวนั้นพระอธิการแก้วเจ้าอาวาสได้ทูลถวายพยากรณ์​ว่าจะได้เป็นเจ้าชีวิตในเร็วนี้​ พระองค์​จึงมีรับสั่งว่า​ถ้าได้ครองแผ่นดินจริงจะมาสร้างวัดให้อยู่ใหม่​ หลังเสด็จขึ้น​ครองราชย์​จึงโปรดให้พระราชทานสมณศักดิ์​พระอธิการแก้ว​ เป็นพระมหาพฤฒ​า​จารย์​ และโปรดให้สร้าง​พระอารามใหม่​โดยโปรดเกล้าฯ​ให้สมเด็จ​ เจ้า​พระยาบรมมหาพิชัย​ญาติ​ (ทัด)​ เป็นแม่กองในการสถาปนา​ ​เมื่อทำการก่อสร้างแล้วเสร็จ​ จึง​โปรดฯ​ ให้สถาปนาขึ้นในพระอารามหลวง​ พระราชทาน​นามว่า​ วัดมหาพฤฒาราม ตั้งอยู่​ทางฝั่งตะวันออกของคลองผดุง​กรุง​เกษ​ม​ บนถนนมหาพฤฒาราม​ เมื่อเข้าวัดจากลานจอดรถจะเห็นด้านหลังพระอุโบสถ​และพระวิหาร ทั้งสองหลังเป็นแบบขนบเดิม​ มี​ช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ หน้าบัน​พระอุโบสถ​เป็นรูปพระมงกุฎ​ ตราสัญญลักษณ์​ประจำรัชกาล​ที่​ 4​ หันหน้า​ไปทางทิศ​ตะวันออก​ มีพระอินทร์​แปลง​ พระปางมารวิชัยเป็น​พระประธาน​ ภายในมี​ภาพจิตรกรรมฝาผนัง​เรื่อง​ธุดงควัตร​ 13 แทนเรื่องทศชาดกหรือพุทธ​ประวัติตามวัดทั่วไป​ และใช้เทคนิคการเขียนภาพแบบตะวันตก​ ส่วนหน้าบันพระวิหารเป็นรูปจุลมงกุฏ ตราสัญญลักษณ์​ประจำรัชกาลที่​ 5 มีหลวงพ่อสุโขทัย​ พระปางมารวิชัย​เป็น​พระประธาน​ ด้านหน้ามีพระปาง​มารวิชัยขนาดรอง​ลงไป 5 องค์​ ระหว่างพระอุโบสถ​และพระวิหารมีพระปรางค์​สีขาว เรือนธาตุย่อมุมไม้สิบสอง​ มีซุ้มจรนัมสี่ทิศ​ ตั้งเรียงแถวกัน 4 องค์​ พระปรางค์​นี้มีมาแต่เดิม​ ต่อมาเมื่อรัชกา​ลที่​ 4​ โปรดเกล้าฯ​ ให้​ปฏิสังขรณ์​วัด​ จึงให้ก่ออิฐพอกพระปรางค์​องค์​เดิมให้มีขนาดใหญ่ขึ้น​เพื่ออุทิศถวายพระพุทธ​เจ้าทั้ง​ 4 พระองค์​ที่ปรินิพพาน​ไปแล้ว​ ทางขวานอกกำแพงแก้วมีพระวิหารพระพุทธ​ไสยาสน์​ เป็น​แบบขนบเดิม​ มี​ช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ หน้าบัน​มี​รูป​พระเจดีย์​จุฬา​มณี​ มีพระพุทธ​ไสยาสน์ผินพระพักตร์​ไปทางทิศเหนือสู่พระอุโบสถ​ เป็นพระ​พุทธ​ไสยาสน์​ที่มีมาแต่เดิม​ แต่รัชกาล​ที่​ 4​ ทรงปฏิสังขรณ์​ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น​ เป็นรองแค่พระพุทธ​ไสยาสน์​ที่วัดพระเชตุพน​ หน้าพระอุโบสถ​มีประตูวัดออกซอยไปถนนมหานคร​ได้ เมื่อสัปดาห์​ก่อนผมได้ไปไหว้พระเก้าวัดแถบราชเทวี​ วัน​นี้ผมมาไหว้พระต่อแถบสาทรสีลม​ เริ่มจากวัดบรมสถล​ วัดสุทธิ​วราราม​ วัดยานนาวา​ วัดสวนพลู​ วัดม่วงแค และวัดแก้วแจ่มฟ้า​ ก่อนมาวัดมหาพฤฒาราม​ แล้วจะไปต่อวัดดวงแขครับ

Arinrada Rukchobthum พระแก้วมรกต พระประธานที่องค์เล็กที่สุด แต่อยู่ในที่ๆ สูงที่สุดของประเทศ คือเป็นพระประธานของแผ่นดิน... มีตำนานการสร้างเกี่ยวกับองค์พระมากมาย...และความเปนมาอีกยาว วันนี้พระแก้วมรกตประดิษฐานตรงนี้มาถึง 242 ปีแล้ว....

Suporn Kulwatnantachai วัดโบราณขนาดใหญ่พอควร​ แต่เดิมมีชื่อว่าวัดสิงห์​เงิน​ ต่อมาเหลือเพียงชื่อวัดสิงห์​ สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาอาจเก่าถึงตอนต้น​ เพราะพบใบเสมาหินทรายแดงขนาดใหญ่สมัยอยุธยา​ตอนต้น​ พระพุทธ​รูปหินทรายแดงและขาวเป็นจำนวนมาก​ ต่อมาในสมัยรัตน​โกสินทร์​ตอนต้น​ บริเวณที่ตั้งวัดเคยเป็นที่พักทัพ​ และคงได้รับการปฏิสังขรณ์​โดยแม่ทัพในสมัยนั้น​ เพื่อเป็น​การล้างบาปจากศึกสงคราม​ วัดตั้งอยู่​ริมคลองบางจาก​ ซึ่งน่าจะเป็นชุมชนสำคัญจึงมีวัดเก่าสมัยอยุธยา​ตั้งแต่ปากคลอง​ คือวัดภคินีนาถ​ วัดใหม่เทพนิมิตร​ และวัดทอง​ วัดอยู่ในซอยจรัญ​สนิท​วงศ์​ 64 เลี้ยวขวาซอยแรก​แล้วเลี้ยวซ้ายซอยแรก​ วัดจะอยู่ทางขวามือ​ แต่ผมเดินเลียบคลองมาจากวัดเปาโรหิต​ย์​ เข้าวัดผ่านด้านหลังพระอุโบสถ​ใหม่​ จะเป็นพระอุโบสถ​เก่าเป็นแบบขนบเดิม​ มี​ช่อฟ้า​หางหงส์​ หน้าบันเรียบมีตราหัวสิงห์​คาบดาบ​ มีพาลัยทั้งด้านหน้าและหลัง​ เสาสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่​ไม่มีบัวหัวเสารับชายคา ไม่มีซุ้มกรอบประตู​หน้าต่าง​ ไม่ได้เปิดให้เข้า เดิมน่าจะหันหน้าไปทิศ​เหนือสู่คลอง​ ยังมีใบเสมาหินทรายแดงอยู่ในซุ้มโค้งรูปเสมา​ 8 ทิศ​ ข้างหลังมีพระอุปคุตนั่งใต้ฉัตร​ ทางด้านซ้ายเป็นพระอุโบสถ​ใหม่​แบบขนบ​เดิม​ มี​ช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ หน้าบัน​มี​พระยืนปางอุ้ม​บาตร​ หันหน้า​ไปทางทิศ​ใต้ หน้าประตู​มีพระยืนปางรำพึง​ ไม่ได้เปิดให้เข้า​ มีใบเสมาธรรม​จักร​ตั้งบนฐาน​ 8 ทิศ​ ทางด้านหน้ามีอนุสาวรีย์​สมเด็จพระเจ้า​ตากสินทรงประทับสีดำใต้ฉัตรสีทอง​หันพระพักตร์​ไปทางทิศเหนือ เมื่อ​ 3 เดือนก่อนผมได้มาไหว้พระแถบบางยี่ขันทางสะพานพระ​ปิ่นเกล้า​ วันนี้ผมมาไหว้พระต่อทางสะพานกรุง​ธน​ เริ่มจากวัดสวนสวรรค์​ วัดคฤหบดี​ วัดบวร​มงคล​ วัดทอง​ วัดใหม่เทพนิ​มิตร​ วัดภคินีนาถ​ วัดเปาโรหิต​ย์​ ก่อนมาวัดสิงห์​ บางพลัด แล้วจะไปต่อวัดรวกบางบำหรุครับ

Yuttanapong Trisurat มาทำบุญที่วัดพระศรีทำบุญวันเกิดรู้สึกประทับใจมากวัดร่มรื่นมีที่จอดรถเยอะทางเข้าออกสะดวกติดกับถนนใหญ่ มีพระให้ทำบุญบริจาคสังฆทานสามารถซื้อธูปเทียนที่นี่ได้เลยไม่ต้องเตรียมมา ได้โปรดมีที่ให้นั่งสมาธิร่มรื่นมากอากาศดี บริเวณที่จอดรถมีร้านขายอาหารไอศครีมของกินผลไม้เยอะแยะมากมาย สามารถนั่งรถไฟฟ้า หรือขับรถยนต์มา หรือรถเมล์สาธารณะ

psnnnoey พระแม่ลักษมี ที่เกสรเซ็นเตอร์ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนมากมาย ตั้งอยู่บนดาดฟ้าของเกสรเซ็นเตอร์ พระแม่ลักษมีเป็นเทพีแห่งความรัก ความสำเร็จ และโชคลาภ ซึ่งหลายคนเชื่อกันว่าการมากราบไหว้บูชาท่านจะเสริมดวงด้านการเงิน ความรัก และความสำเร็จในชีวิต บรรยากาศที่นี่เงียบสงบ เหมาะสำหรับการขอพรหรือทำสมาธิ เมื่อขึ้นไปถึงจะรู้สึกถึงพลังแห่งศรัทธาจากผู้คนที่มาสักการะ มีดอกไม้สวยๆ สีสันสดใส รวมถึงบทสวดที่สามารถใช้ในการขอพรได้ เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับคนที่อยากมาขอพรด้านความรักและโชคลาภ หรือแค่ต้องการหาความสงบใจท่ามกลางความวุ่นวายในเมือง 1. ขึ้นไปที่ดาดฟ้าชั้น 4 ของเกสรเซ็นเตอร์ 2. เข้าคิวตามลำดับอย่างเป็นระเบียบ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล 3. เตรียมของไหว้ เช่น ดอกไม้ ผลไม้ 4. ปฏิบัติตามกฎระเบียบสถานที่ เช่น การแต่งกายสุภาพและรักษาความสงบ 5. เมื่อถึงคิว ให้สักการะและขอพร จากนั้นถอยออกเพื่อให้คนอื่นเข้าได้

Suporn Kulwatnantachai วัดโบราณขนาดใหญ่​ มีเกจิอาจารย์​ชื่อดังคือหลวงพ่อพริ้ง​ เดิมชื่อวัดบางคี่​ ไม่ทราบประวัติและนามผู้สร้าง​ วัดสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา​ หลังเสียกรุงศรี​อยุธยาครั้งที่​ 2​ ได้กลายเป็นวัดร้าง​ ​จนสมัยกรุงรัตน​โกสินทร์​ ผู้คนได้ย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานบริเวณวัดเป็นจำนวนมาก​ ชาวบ้านจึงช่วยกันบูรณะปฏิสังขรณ์​วัด​ ได้รับนามว่าวัดบางปะกอกตามชื่อคลอง​ สันนิษฐาน​ว่าได้รับการบูร​ณ​ะ​ปฏิสังขรณ์​ในสมัยรัชกา​ลที่​ 4​ ในยุคหลวงพ่อ​พริ้งเป็นเจ้าอาวาส​วัด​ เมื่อครั้งสงคราม​ โลก​ครั้ง​ที่​ 2​ วัดเป็นที่หลบภัยของประชาชน​ เจ้านายในวังก็ต่างมาพึ่งบารมีที่วัด​ วัดตั้งอยู่​ริมคลองบางปะกอกฝั่งตะวันตก​ ในซอยราษฎร์​บูรณะ​ 14 เข้ามาไม่ลึกวัดจะอยู่ซ้ายมือ​ มีป้ายบอกทางไปศาลาหลวงพ่อ​พริ้ง​ เลยเข้าไปทางซ้ายมือจะเห็นพระอุโบสถ​ตั้งคู่​กับ​พระวิหาร​ แบบขนบเดิม​ทั้ง​คู่ มี​ช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ หน้าบันพระอุโบสถ​มีรูปพระปางเล​ไล​ย์​ หันหน้า​ไป​ทางทิศ​ตะวันออก​สู่​คลอง​ มีระเบียงรอบ เสาแปดเหลี่ยม​ หัวเสามีบัวแวง​ ประตู​และ​หน้าต่าง​มี​ซุ้ม​หน้านาง​ ไม่ได้เปิดให้เข้า​ ใบเสมาอยู่ในซุ้ม​โค้ง​ 8 ทิศ​ ปัจจุบันกำลังบูรณะ​กำแพงแก้ว​ ซุ้มประตู​ และฐานเจดีย์​ทรงปรางค์​ที่มุมทั้ง​ 4 พระวิหารอยู่ด้านขวา​มือ​ มีขนาดเล็กกว่า​ และไม่มีระเบียง​ ไม่ได้เปิดให้เข้าเช่นกัน​ ทราบว่ามีพระยืนทรงเครื่องแบบอยุธยา​ ด้านหน้ามี​เจดีย์​ทรง​ลังกา​ฐาน​กลม​ ย้อนกลับไปทางศาลา​หลวงพ่อ​พริ้ง​ ด้านขวามีเจดีย์​สีขาวฐานแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่ เป็นทรงมอญซึ่งเหนือองค์​ระฆังจะเป็นปล้องไฉนขึ้นไปไม่มีบัลลังก์​ และฐานผาย ทิศ​เหนือมีวิหารต่อยื่นออกมา​ ไม่ได้เปิดให้เข้า​ ทิศ​ตะวันออก​เป็นศาลาหลวงพ่อ​พริ้ง​ มีรูปหล่อหลวงพ่อ​พ​ริ้งและกรมหลวง​ชุมพร​เปิดให้เข้าได้​ เมื่อ 2 สัปดาห์​ก่อนผมได้มาไหว้พระ​ 9 วัดแถบดาวคะนอง​ วันนี้ผมมาไหว้พระต่อแถบราษฎร์​บูรณะ​ เริ่มจากวัดสน​ วัดแจงร้อน​ วัดราษฎร์​บูรณะ​ และวัดประเสริฐ​สุทธาวาส​ ก่อนมาวัดบางปะกอก​ แล้วจะไปต่อวัดโพธิ์​แก้วครับ

nantawan h ในกูเกิ้ลแมปแสดงพิกัดว่าอยู่ห่างออกไป ตอนแรกเลยนึกว่าคงไม่มีเวลาเดินไปถึง ...แต่พอออกประตูวัดเทพศิรินทร์ก็เห็นป้ายประตูวัดพลับพลาชัยเลย เลยตัดสินใจแวะ ข้างในแม้จะเป็นวัดเล็กๆ แต่มีบริการที่จอดรถนิดหน่อยนะคะ(เสียตัง 30 มั้ง) สถาปัตยกรรมก็สวยงามเช่นกัน และมี หลวงพ่อซำปอกงจำลอง มีศาลเจ้าแบบจีน