พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

สุวภัทร ชํานาญวนกิจ มหาเจดีย์เจ้าแม่กวนอิมพันมือ สร้างขึ้นมาได้ยิ่งใหญ่ แสดงถึงความ ศรัทธาของสาธุชน และความตั้งใจจริง,ความพยายามของเหล่าผู้ก่อตั้ง ในเวลากลางวัน บริเวณลานร้อนแสงแดดจ้า พอได้ขึ้นไปบนเจดีย์รู้สึกร่มเย็น กราบบูชาเจ้าแม่กวนอิม องค์ใหญ่ มีพันมือ พระพักตร์เปี่ยมเมตตา มี4ด้านของเจดีย์ นิยมกราบด้านหน้ากัน ที่นี่ไม่ได้มีองค์เทพครบแบบที่ตำหนัก จะเน้นที่เจ้าแม่เป็นสำคัญ จากนั้นมีการให้หยอดเหรียญลงวัตถุทรงถังไม้วาดลวดลายต่างๆ หยอดแล้วหมุนถัง แล้วเดินหมุนถังไปเรื่อยๆ จนรอบเจดีย์ แล้วมาตีระฆังใบใหญ่ใช้ไม้ซุงโยกเคาะระฆัง ขึ้นไปชมเจดีย์ ด้วยลิฟท์มีเจ้าหน้าที่บริการแนะนำตอนขึ้น ไปได้เพียง8 ชั้น ที่เหลืออีก4ชั้นมีบันไดขึ้นต่อ (คนพิการไม่สามารถ)ระหว่างชั้น8-12 ตามฝาผนัง,เพดานมีจิตรกรรมภาพวาดเกี่ยวกับพุทธประวัติ,เจ้าแม่กวนอิม,เทพ,ยักษ์ มีศิลปะปูนปั้น สวยงาม มองไปผ่านกระจกเห็นวิวบ้านเมือง รอบทิศ ชั้น11 มีพระบรมธาตุ หลายองค์ ประดิษฐานด้านบนฐานรอบเสากลางห้อง ชั้น12 เดินขึ้นบันไดแคบ ไปชั้นบนสุด ให้ระวังศีรษะจะชนคาน นัยว่าให้ใช้สติในการเดิน ด้านบน คือดาดฟ้ายอดเจดีย์ ลมแรง ไม่มีหลังคา มีวัตถุทรงกลมประดับกระจกปิดแวววาว เรียกว่าแก้วสารพัดนึก ชูขึ้นไปเป็นยอด เห็นวิวรอบด้าน นิยมถ่ายรูปกัน ตอนลงลิฟท์ให้กดเลข2 นะไม่ใช่ B ไม่เช่นนั้นจะลงไปชั้นใต้ดิน เดินขึ้นเนื่อยเลย รอบเจดีย์มีหินแกะสลัก สวยงาม ถ่ายรูปสวย สถานที่สะอาด มีจี้สร้อยหยก,กำไล,วัตถุมงคล ให้บูชาด้วย

Suporn Kulwatnantachai วัดโบราณขนาดใหญ่​พอควร​ เดิมชื่อว่าวัดพลา​หรือ​พารา​ บ้างก็ว่าชื่อ​หงษ์​ร่อน​ ไม่ทราบนามและประวัติ​ผู้สร้าง​ มีเรื่องเล่าว่า​ขณะ​กำลังสร้าง​วัด​มี​หงส์​ตัว​หนึ่ง​บิน​ร่อ​นมา​อยู่​เหนือ​บริเวณ​วัด​ และ​หน้า​อุโบสถ​หลัง​เก่า​มี​เสา​คู่​หนึ่ง​ด้านหน้า​ ​ยอด​เสา​เป็นรูป​หงส์​กางปีก​ ส่วน​ชื่อ​แจง​ร้อน​ บ้าง​ว่า​เพี้ยน​มาจาก​แจง​ร้อย​บ้าง​ แร้งร่อน​บ้าง​ ผมว่ามาจากแจงลอนที่เป็นอาหารพื้นบ้าน​แถบ​ชายทะเลซึ่งสอดคล้องรูป​ปู​ปล​าที่​ซุ้ม​หน้าต่างพระอุโบสถ​ สันนิษฐาน​ว่าสร้างวัดขึ้นอยุธยา​ตอนต้น​ วัดตั้งอยู่​ริม​แม่น้ำเจ้าพระยา​ บริเวณ​ปากคลองแจงร้อน​ สุดซอยราษฎร​์บูรณะ​ 37​ ซอยแคบทางโค้งบางช่วงรถสวน​ไม่ได้​ เมื่อเข้าวัดซ้ายมือ​จะเห็นพระวิหาร​ คล้ายแบบพระราชนิยมสมัย​รัชกา​ลที่​ 3​ อันที่จริงเป็นแบบวิลันดา​ ที่ได้รับอิทธิพล​จากศิลปะตะวันตก​ ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยสมเด็จพระนารายณ์​ จุดเด่นคือไม่มี​ช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ หน้าบันลายปูนปั้นมีกระหนกผักกาดแบบฝรั่ง​ มีรูปครุฑ​ยุดนาคเหนือเทพพนม​ หันหน้า​ไป​ทางทิศ​ตะวันออก​ มีเฉพาะประตู​หน้า​ไม่มีประตูหลังและหน้าต่าง​ ไม่มีเสา​ อาศัยกำแพงหนารับน้ำหนักเครื่องบน​ แบบสมัยอยุธยา​ตอนต้น​ มีพระประธาน​ 2 องค์​ชุดข้างหน้ามีหลวงพ่อหินแดง​ พระปางสมาธิหิน​ทรายแดงลงรักปิดทอง​ศิลปะอู่ทอง​ ถือเป็นพระพุทธ​รูป​เก่าแก่ที่สุดเท่าที่พบในกรุงเทพ ​มีอายุราว​ 600 ปี​ มีพระอัครสาวก​ยืน​ 2​ ข้าง​ ​ข้างหน้า​มีพระขนาดรอง​ 5 องค์​ 3 ตรงกลาง 3 องค์​เป็นพระพุทธ​รูปทรงเครื่อง ชุดข้างหลังมีพระพุทธ​รูปทรงเครื่องปางสมาธิ​องค์​ใหญ่​ สวมมงกุฎ​ทรงเทริด​เป็นพระประธาน​ มีพระขนาดรองเรียงล้อมรอบแบบสมัยอยุธยา​ตอนปลาย​ มีพระอัครสาวก​ยืน​ 2​ ข้าง​ ตั้งอยู่บนฐานชุกชีเดียวกันทั้ง 2 ชุด​ แต่ผมคาดว่าพระชุดหลังน่าจะสร้างขึ้นพร้อมกับการปฏิสังขรณ์​พระวิหารในสมัยสมเด็จนารายณ์​ ด้านหน้าพระวิหารเป็นพระอุโบสถ​ อาจเป็นพระอุโบสถ​หลังที่​ 4 หรือ​ 5 ที่ได้สร้างขึ้นมาบนที่เดียวกัน​ พระอุโบสถ​ปัจจุบัน​สร้างสมัยรัชกา​ลที่​ 6 โดยหลวงพ่อจวนเป็นผู้ดำริสร้างขึ้น เป็นแบบขนบเดิม​ มี​ช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ หน้าบัน​มีรูป​ดอกพุดตาน​ หันหน้า​ไปทาง​ทิศ​ตะวันออก​สู่​แม่น้ำ​ เสาสี่เหลี่ยม​ หัวเสามีบัวแวง​ ประตู​และ​หน้าต่าง​มี​ซุ้ม​ปูนปั้น​ มีพระปางมารวิชัย​เป็น​พระประธาน​ ผนังด้านหลังมีภาพพระพุทธ​ฉาย​พร้อมพนะอัครสาวก​ยืน​ 2​ ข้าง​ ทั้งพระอุโบสถ​และพระวิหารจะเปิดเฉพาะวันพระ​ ใบเสมาอยู่ใน​ซุ้ม​จตุร​มุข​ยอด​เจดีย์​ 8​ ทิศ​ มี​เจดีย์​ย่อมุม​ไม้​สิบสอง​สีทองที่กำแพงแก้วทั้ง​ 4 มุม​ หน้าพระอุโบสถ​มีพระปางห้ามญาติอยู่กลางสวนป่าร่มรื่น​ เลยไปบริเวณศาลาท่าน้ำ​ยังมีป่าชายเลน​ ซึ่งหาดูได้ยากในกรุงเทพ​ เห็นวิวสะพานพระราม​ 9 คู่กับสะพานทศมราชชันอยู่ด้านหลัง​ เมื่อ​ 2 สัปดาห์​ก่อนผมได้มาไหว้พระ​ 9 วัด​แถบดาวคะนอง​ วันนี้ผมมาไหว้พระต่อแถบราษฎร์​บูรณะ​ เริ่มจากวัดสน​ ก่อนทะลุมาวัดแจงร้อน​ แล้วจะไปต่อวัดราษฎร์​บูรณะ​ครับ

Som Sak ครับผม​วัดบาง​ขุน​เทียน​นอกก็เป็​นอีก​1วัดที่ตั้ง​อยู่​ใน​ซอย​จอมทอง​19ที่​จอดรถสะดวกสบาย​และ​มี​สถานที่​ให้​อาหาร​ปลา​และ​รับเผาสัตว์​เลี้ยง​ด้วย​นะ​ครับ​

Suporn Kulwatnantachai ริมคลองสานหน้าวัดมีพระยืนปางห้ามสมุทร​สีทอง หลังกำแพงแก้วมีพระเจดีย์​ทรงลังกาองค์​ใหญ่สีขาว​ 2 ข้าง​องค์ทางซ้ายคือพระเจดีย์​เงิน​ ข้างในฐานแปดเหลี่ยมมีหลวงพ่อเงิน​พระปางมารวิชัย​อายุร้อยกว่าปี​ ด้านขวามีพระปางอุ้ม​บาตร​หันหน้าไปทางพระอุโบสถ​

Cook Art ทางเข้าวิหารปฏิบัติธรรมวัดดอน เข้าจากซุ้มประตูวัดดอน เลี้ยวซ้ายมาขับตรงผ่านกุฏิสงฆ์มาจะเจอทางแยก ให้เลี้ยวซ้ายอีกรอบ จะเห็นวิหารสีขาวอยู่ด้านหลังพระเจดีย์

ลุงเม่า On the way เป็นวัดโบราณที่สร้างมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา พระอุโบสถและพระวิหารของวัดนี้หันหน้าเข้าสู่คลองมอญ และระหว่างพระอุโบสถกับพระวิหาร มีพระเจดีย์ใหญ่ทรงลังกา 3 องค์ตั้งอยู่ พระอุโบสถ กว้าง 7.70 เมตร ยาว 16.25 เมตร หลังคาลด 2 ชั้น ประดับช่อฟ้าใบระกา หน้าบันตกแต่งด้วยปูนปั้นเป็นลายดอกไม้ ระเบียงและมุขปูด้วยหินอ่อน ซุ้มประตูหน้าต่างทำด้วยปูนปั้นเป็นลายดอกไม้ ลงรักปิดทอง บานประตูด้านนอกสลักรูปต้นไม้ ดอกไม้ และรูปนก ลงรักปิดทอง ด้านในเป็นรูปฉัตร 7 ชั้น สอดสีมีทหารแบก ส่วนบานหน้าต่างด้านนอกลวดลายเช่นเดียวกับบานประตูแต่ทำด้วยปูนปั้น ภายในประดิษฐานพระประธานซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ หล่อด้วยโลหะลงรักปิดทอง สูงประมาณ 4 วา กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนพระอุโบสถหลังนี้ไว้เป็นโบราณสถาน เนื่องจากผนังภายในพระอุโบสถมีภาพเขียนสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นภาพชาดกเรื่องพระเจ้า 500 ชาติ ที่งดงามมาก โดยฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งปัจจุบันมีหลงเหลืออยู่แห่งเดียวในประเทศไทย

Suporn Kulwatnantachai วัดขจรศิริเป็นวัดขนาดใหญ่พอควรอยู่ริมคลองพระโขนงในซอยอ่อนนุช​ 45​ ใกล้ตลาดเอี่ยมสมบัติ​ แต่ซอยแคบรถสวนกันยาก​ สามารถเข้าทางริมคลองตรงทางวกกลับรถ​ ใต้สะพานข้ามคลองพระโขนงถนนศรีนครินทร์​ได้​ วัดนี้มีอีกชื่อว่าวัดขอมมีหลวงพ่อขอมเป็นพระประธาน​ในอุโบสถเก่า​ ส่วนอุโบสถใหม่เป็นอาคารจตุรมุขยอดปรางค์ไม่ได้เปิดให้เข้า​ ทางวัดกำลังซื้อที่ดินเพิ่มอีกประมาณไร่เศษ​ วันนี้เป็นวันสงกรานต์​ผมมาไหว้พระเก้าวัดตามคลองพระโขนง​ เริ่มจากวัด​สะพาน​ ต่อมาวัดใต้และวัดมหาบุศย์​ วกไปวัดราษฎร์​ศรัทธา​ธรรม​ ย้อนกลับมาวัดยาง​ พระอาราม​หลวง​ วัดทองใน​ วัดต้นไทรย์​ และวัดปากบ่อ​ ก่อนมาจบที่วัดขจรศิริเป็นวัดที่เก้าครับ

natthapon w พระราชวังกรุงธนบุรี หรือ พระราชวังเดิม เป็นพระราชวังหลวงในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ทรงโปรดให้สร้างพระราชวังนี้ขึ้นในปี พ.ศ. 2310 ภายหลังจากที่ทรงกอบกู้เอกราชให้ชาติไทย เพื่อใช้เป็นที่ประทับและว่าราชการ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ ภายในกองบัญชาการกองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ในเขตที่เคยเป็นที่ตั้งของป้อมวิไชยเยนทร์ ที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตำแหน่งของพระราชวังเดิมเป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ สามารถสังเกตการณ์ได้ในระยะไกล อีกทั้งยังใกล้กับเส้นทางคมนาคม และเส้นทางการเดินทัพที่สำคัญ พระราชวังเดิม จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ในวันที่ 28 ธันวาคม ของทุกปี(บางปีจะเปิดให้เข้าชมได้ก่อนวันที่ 28 ธันวาคม)