วัดแจงร้อน
Suporn Kulwatnantachai วัดโบราณขนาดใหญ่พอควร เดิมชื่อว่าวัดพลาหรือพารา บ้างก็ว่าชื่อหงษ์ร่อน ไม่ทราบนามและประวัติผู้สร้าง มีเรื่องเล่าว่าขณะกำลังสร้างวัดมีหงส์ตัวหนึ่งบินร่อนมาอยู่เหนือบริเวณวัด และหน้าอุโบสถหลังเก่ามีเสาคู่หนึ่งด้านหน้า ยอดเสาเป็นรูปหงส์กางปีก ส่วนชื่อแจงร้อน บ้างว่าเพี้ยนมาจากแจงร้อยบ้าง แร้งร่อนบ้าง ผมว่ามาจากแจงลอนที่เป็นอาหารพื้นบ้านแถบชายทะเลซึ่งสอดคล้องรูปปูปลาที่ซุ้มหน้าต่างพระอุโบสถ สันนิษฐานว่าสร้างวัดขึ้นอยุธยาตอนต้น วัดตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณปากคลองแจงร้อน สุดซอยราษฎร์บูรณะ 37 ซอยแคบทางโค้งบางช่วงรถสวนไม่ได้ เมื่อเข้าวัดซ้ายมือจะเห็นพระวิหาร คล้ายแบบพระราชนิยมสมัยรัชกาลที่ 3 อันที่จริงเป็นแบบวิลันดา ที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะตะวันตก ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ จุดเด่นคือไม่มีช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ หน้าบันลายปูนปั้นมีกระหนกผักกาดแบบฝรั่ง มีรูปครุฑยุดนาคเหนือเทพพนม หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีเฉพาะประตูหน้าไม่มีประตูหลังและหน้าต่าง ไม่มีเสา อาศัยกำแพงหนารับน้ำหนักเครื่องบน แบบสมัยอยุธยาตอนต้น มีพระประธาน 2 องค์ชุดข้างหน้ามีหลวงพ่อหินแดง พระปางสมาธิหินทรายแดงลงรักปิดทองศิลปะอู่ทอง ถือเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่สุดเท่าที่พบในกรุงเทพ มีอายุราว 600 ปี มีพระอัครสาวกยืน 2 ข้าง ข้างหน้ามีพระขนาดรอง 5 องค์ 3 ตรงกลาง 3 องค์เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง ชุดข้างหลังมีพระพุทธรูปทรงเครื่องปางสมาธิองค์ใหญ่ สวมมงกุฎทรงเทริดเป็นพระประธาน มีพระขนาดรองเรียงล้อมรอบแบบสมัยอยุธยาตอนปลาย มีพระอัครสาวกยืน 2 ข้าง ตั้งอยู่บนฐานชุกชีเดียวกันทั้ง 2 ชุด แต่ผมคาดว่าพระชุดหลังน่าจะสร้างขึ้นพร้อมกับการปฏิสังขรณ์พระวิหารในสมัยสมเด็จนารายณ์ ด้านหน้าพระวิหารเป็นพระอุโบสถ อาจเป็นพระอุโบสถหลังที่ 4 หรือ 5 ที่ได้สร้างขึ้นมาบนที่เดียวกัน พระอุโบสถปัจจุบันสร้างสมัยรัชกาลที่ 6 โดยหลวงพ่อจวนเป็นผู้ดำริสร้างขึ้น เป็นแบบขนบเดิม มีช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ หน้าบันมีรูปดอกพุดตาน หันหน้าไปทางทิศตะวันออกสู่แม่น้ำ เสาสี่เหลี่ยม หัวเสามีบัวแวง ประตูและหน้าต่างมีซุ้มปูนปั้น มีพระปางมารวิชัยเป็นพระประธาน ผนังด้านหลังมีภาพพระพุทธฉายพร้อมพนะอัครสาวกยืน 2 ข้าง ทั้งพระอุโบสถและพระวิหารจะเปิดเฉพาะวันพระ ใบเสมาอยู่ในซุ้มจตุรมุขยอดเจดีย์ 8 ทิศ มีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองสีทองที่กำแพงแก้วทั้ง 4 มุม หน้าพระอุโบสถมีพระปางห้ามญาติอยู่กลางสวนป่าร่มรื่น เลยไปบริเวณศาลาท่าน้ำยังมีป่าชายเลน ซึ่งหาดูได้ยากในกรุงเทพ เห็นวิวสะพานพระราม 9 คู่กับสะพานทศมราชชันอยู่ด้านหลัง เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนผมได้มาไหว้พระ 9 วัดแถบดาวคะนอง วันนี้ผมมาไหว้พระต่อแถบราษฎร์บูรณะ เริ่มจากวัดสน ก่อนทะลุมาวัดแจงร้อน แล้วจะไปต่อวัดราษฎร์บูรณะครับ