วัดบพิตรพิมุขวรวิหาร

4 /5 Arinrada Rukchobthum: วันนี้เปนวัดเก่ามาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เดิมชื่อวัดเิงเลน หรือวัดตีนเลน...จนกระทั่งมาถึงกรุงรัตนโกสินทร์เปนราชธานี วัดนี้ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ โดนกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข(วังหลัง) ในสมัยรัชกาลที่ 1 แลได้ถวายเปนวัดหลวง แลได้รับพระราชทานนามว่า วัดบพิตรพิมุข มาแต่ครั้งนั้น พระประธานภายในพระอุโบสถ์ วัดบพิตรพิมุข เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ไม่แรากฎนาม มีพระอัครสาวกอยู่ 2ข้าง บนฐานชุกชีเดียวกัน เป็นศิลปะอย่างอยุธยา อย่างที่เรียกว่า " อยุธยาหน้าหนุ่มหรือหน้านาง"

5 /5 Suporn Kulwatnantachai: พระอาราม​หลวง​ขนาดไม่​ใหญ่​ เดิมชือวัดเชิงเลนหรือวัดตีนเลน​ กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข​ (วังหลัง)​ ทรงปฏิสังขรณ์​ใหม่แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง​ รัชกาลที่​ 1​ พระราชทานนามวัดนี้ว่า​ วัดบพิตรพิมุข​ ตั้งอยู่บนถนนจักรวรรดิ​ก่อนถึงสน.จักรวรรดิ​ ปากทางเข้าวัดมีซุ้มประตูขนาดเล็ก​ เมื่อเข้ามาจะเห็นอุโบสถ​อยู่ซ้ายมือ​ อุโบสถ​เป็นแบบขนบเดิมมี​ช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ ใบเสมาอยู่ในซุ้มแปดทิศ​ หันหน้าทางทิศใต้สู่ถนน ไม่ได้เปิดให้เข้า​ ด้านหน้ามีวิหารตั้งขวางมีทางเดินขึ้น​ ไม่ได้เปิดให้เข้าเช่นกัน​ ด้านหลังอุโบสถ​มีเจดีย์​ทรงลังกาสีขาว​ มีวิหารขนาดเล็ก​ มีรูปหล่อหลวงปู่ไข่​ และเป็นที่ให้เช่าบูชาวัตถุมงคล​ของวัด​ ถัดเข้าไปมีอาคาร​สามชั้นทรงไทยประยุกต์​สวยงาม เป็นหอสมุดประชาชน​ เมื่อสัปดาห์ก่อนผมได้มาไหว้พระในเกาะรัตน​โกสินทร์​ วันนี้ผมมาไหว้พระต่อแถบสำเพ็งเยาวราช​ เริ่มจากวัดราชบูรณะ​ ก่อนมาวัดบพิตร​พิมุข​ แล้วจะไปต่อวัดจักรวรรดิ​ครับ

5 /5 Suphakorn Panyangam: รีวิวย้อนหลังเคยมากราบรูปหล่อหลวงปู่ไข่หลายปีแล้ว ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่เอี่ยมวัดปากลัด สมุทรสงคราม หลวงปู่ไข่ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ส่วนประวัติก็ตามนี้ครับ วัดบพิตรพิมุขวรวิหาร เดิมมีชื่อว่า วัดเชิงเลน หรือ วัดตีนเลน มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนกระทั่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ประมาณ พ.ศ.2328 สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์ กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข (วังหลัง) พระราชนัดดา ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่แล้วถวายเป็นพระอารามหลวงแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระองค์ได้ทรงพระราชทานนามวัดนี้ว่า "วัดบพิตรพิมุข" เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่กรมพระราชวังบวรสถานพิมุขพระองค์นี้ หลวงปู่ไข่ ท่านเป็นบุตรของนายกล่อม และ นางบัว จันทร์สัมฤทธิ์ เกิดที่ตำบลท่าไข่ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2402 อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2422 ที่วัดลัดด่าน อำเภอแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีพระสนิทสมณคุณ (เนตร) เจ้าอาวาสวัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เอี่ยม วัดลัดด่าน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ภู่ วัดบางกะพ้อม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ท่านเป็นพระปฏิบัติสมถกรรมฐาน ซึ่งโบราณเรียกว่าพระรุกขมูล คือท่องจาริกไปอาศัยตามโคนไม้ในป่า มุ่งแสวงหาความหลุดพ้นท่านมีอุปนิสัยพูดน้อย เคร่งขรึม รักสันโดษ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ประพฤติตนตามพุทธบัญญัติทุกประการ เมื่อมีเวลาว่างท่านก็จะสร้างพระเครื่องตะกรุด ธง และเหรียญออกแจกจ่ายแก่บรรดาลูกศิษย์ ท่านได้มาจำพรรษาอยู่ที่กรุงเทพ ณ วัดเชิงเลน (วัดบพิตรพิมุขวรวิหาร) ได้ทำการสอนพระกรรมฐานแก่บรรพชิตและฆราวาส ช่วยอนุเคราะห์แก่ผู้ที่เจ็บไข้ได้ทุกข์ บริจาคทรัพย์ส่วนตัวของท่าน ให้ และชักชวนสานุศิษย์มาร่วมทำบุญกับท่าน เช่น การสร้างพระพุทธปฏิมากร และบูรณะซ่อมแซมพระพุทธรูปของเก่าที่ชำรุดหักพังให้ดีขึ้นมาก สร้างพระไตรปิฎกโดยท่านลงมือจารใบลาน ด้วยตนเองด้วย ให้ช่างทำขึ้นบ้าง ครั้นถึงวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2475 ก็ถึงแก่มรณภาพ สิริรวมอายุได้ 72 ปี พรรษา 52 พรรษา

4 /5 Kung “กุ้งกินแหลก”: มีที่จอดรถ สะดวก แต่ต้องเสียค่าจอด มีจุดให้ไหว้พระเยอะ