วัดพุทธบูชา

Suporn Kulwatnantachai วัด​เก่าแก่​ขนาด​ใหญ่​พอควร​ แต่เดิมบริเวณนี้มีต้นสนอยู่มาก​ จึงได้ชื่อว่าวัดต้นสน​ ต่อมาชาวบ้านเรียกสั้นๆ​ ว่าวัดสน​ ไม่ทราบนามผู้สร้างและประวัติ​ วัดสร้างขึ้นสมัยรัชกาล​ที่​ 4​ จากการสันนิษฐาน​อุโบสถ​หลังเดิมที่รื้อถอน​เมื่อสมัยรัชกา​ลที่​6 วัดตั้งอยู่​ริมคลองแจงร้อนฝั่งใต้​ สุดซอยสุขสวัสดิ์​ 35 เมื่อเข้าวัดจากลานจอดรถจะเห็นด้านหลังพระอุโบสถ​​แบบ​ขนบ​เดิม​ มี​ช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ หันหน้า​ไป​ทางทิศ​ตะวันออก​ เสาสี่เหลี่ยม​ หัวเสามีบัวแวง​ ประตู​และ​หน้าต่าง​มี​ซุ้ม​ปูนปั้น​ มีพระปางมารวิชัย​ 3 องค์​ โดยองค์ประธานสร้างขึ้นในสมัยรัชกา​ลที่​ 6 ส่วนอีก​2 องค์​เป็นพระพุทธ​รูป​เก่าตั้งแต่อุโบสถ​หลังเดืม ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง​เรื่องพุทธประวัติ​และทศชาดก​ ใบเสมาอยู่ในซุ้ม​โค้งกูบช้าง​ 8 ทิศ​ ​หน้ากำแพงแก้วด้านขวา มีบันได​พญานาคทอดขึ้นไปข้างบนศาลาการเปรียญหลังใหม่​ มีศาลาจตุรมุข​ยอดมณฑป​สีขาว​ มีช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ ประดิษฐาน​หลวงพ่อ​โสธร​จำลอง​ มุมทั้ง​ 4 มีศาลาทรงไทยสีขาว​ ประดิษฐาน​หลวงพ่อวัดบ้านแหลม​ หลวงพ่อโต​วัดบางพลีใหญ่​ใน หลวงพ่อทอง​วัดเขาตะเครา​ และหลวงพ่อวัดไร่ขิง​ จากด้านบนมองลงมาข้างหน้า​ ด้านซ้ายจะเห็นพระอุโบสถ​ ด้านขวาจะเห็นศาลาการเปรียญ เป็นศาลาไม้สักอายุมากกว่าร้อยปี​ ข้างหลังด้านซ้ายจะเห็นสะพานพระราม​ 9 คู่กับสะพานทศมราชัน​ ที่ช่วงนี้จัดงานสุขเต็มสิบ​ และกำลังจะเปิดใช้​งาน​ เมื่อ​ 2​สัปดาห์ก่อนผมได้มาไหว้พระ​ 9 วัดแถบสำเหร่​ ดาวคะนอง​ วันนี้ผมมาไหว้พระต่อแถบราษฎร์​บูรณะ​ เริ่มจากวัดสน​ แล้วทะลุออกซอยราษฎร์​บูรณะ​ 44 ไปต่อวัดแจงร้อนครับ

natthapon w พระราชวังกรุงธนบุรี หรือ พระราชวังเดิม เป็นพระราชวังหลวงในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ทรงโปรดให้สร้างพระราชวังนี้ขึ้นในปี พ.ศ. 2310 ภายหลังจากที่ทรงกอบกู้เอกราชให้ชาติไทย เพื่อใช้เป็นที่ประทับและว่าราชการ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ ภายในกองบัญชาการกองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ในเขตที่เคยเป็นที่ตั้งของป้อมวิไชยเยนทร์ ที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตำแหน่งของพระราชวังเดิมเป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ สามารถสังเกตการณ์ได้ในระยะไกล อีกทั้งยังใกล้กับเส้นทางคมนาคม และเส้นทางการเดินทัพที่สำคัญ พระราชวังเดิม จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ในวันที่ 28 ธันวาคม ของทุกปี(บางปีจะเปิดให้เข้าชมได้ก่อนวันที่ 28 ธันวาคม)

Suporn Kulwatnantachai วัดขจรศิริเป็นวัดขนาดใหญ่พอควรอยู่ริมคลองพระโขนงในซอยอ่อนนุช​ 45​ ใกล้ตลาดเอี่ยมสมบัติ​ แต่ซอยแคบรถสวนกันยาก​ สามารถเข้าทางริมคลองตรงทางวกกลับรถ​ ใต้สะพานข้ามคลองพระโขนงถนนศรีนครินทร์​ได้​ วัดนี้มีอีกชื่อว่าวัดขอมมีหลวงพ่อขอมเป็นพระประธาน​ในอุโบสถเก่า​ ส่วนอุโบสถใหม่เป็นอาคารจตุรมุขยอดปรางค์ไม่ได้เปิดให้เข้า​ ทางวัดกำลังซื้อที่ดินเพิ่มอีกประมาณไร่เศษ​ วันนี้เป็นวันสงกรานต์​ผมมาไหว้พระเก้าวัดตามคลองพระโขนง​ เริ่มจากวัด​สะพาน​ ต่อมาวัดใต้และวัดมหาบุศย์​ วกไปวัดราษฎร์​ศรัทธา​ธรรม​ ย้อนกลับมาวัดยาง​ พระอาราม​หลวง​ วัดทองใน​ วัดต้นไทรย์​ และวัดปากบ่อ​ ก่อนมาจบที่วัดขจรศิริเป็นวัดที่เก้าครับ

Bob Magee ให้สี่ดาวเพราะว่าดูดีและอาจเก่าไป ถ้ามีเวลาขับรถไปตามซอยแคบๆ ผมว่าไม่คุ้มนะครับ ใช้เวลาประมาณสองนาทีในการเยี่ยมชมให้เสร็จสมบูรณ์

ohm ohm slowlife สะอาดดีครับ มีการจัดตลาดนัดชุมชนภายใน รปภมารยาทดีมาก

Suporn Kulwatnantachai วัดโบราณขนาดใหญ่พอควร​ กรมศิลปากร​ขึ้นทะเบียน​ให้เป็นโบราณสถาน​สำคัญ​ของชาติ​ ก่อตั้งวัดสมัยอยุธยา​ แผ่นดินสมเด็จพระมหาธรรมราชา​ ตั้งอยู่​บนถนนนนทรี​ หากเข้าจากซอยนราธิวาส​ 30 สุดซอยเลี้ยวซ้ายวัด​จะอยู่​ทางซ้ายมือ​ เมื่อเข้าวัดด้านขวามือจะเห็นด้านหลังพระอุโบสถ​โบราณ​ หลังคาเป็นลอนปูนปั้น​มีช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ หน้าบันเป็นฝาปะกน​ ไม่สลักลวดลาย​ หันหน้า​ไปทางทิศตะวันออก เสาย่อมุม​ยอดบัวแวง​ ปลายเรียวเอนเข้าหากัน​ ประตูหน้าต่างเจาะช่องโค้งแหลมแบบเปอร์​เซีย ฐานโค้งสำเภาแบบสมัยอยุธยา​ตอนปลาย​ เปิดให้เข้าได้เฉพาะวันสำคัญทางศาสนา ใบเสมาหิน​ทรายแดง​คู่​ อยู่ในซุ้มโค้งรูปเสมายอดเจดีย์​ 8 ทิศ​ ด้านหน้าทางขวามีพระปรางค์​ฐานทรงกระบอกสูงมีชุ้มโค้งแหลมรอบ​แปลกตา ด้านหลังมีเจดีย์ประธาน​ เป็น​แบบย่อมุม​ไม้​สิบสอง​ รอบพระอุโบสถ​มีเจดีย์​รายทั้งแบบลังกาและแบบย่อมุมหลายองค์​ นอกกำแพงแก้วด้านหน้าและหลังยังมีเจดีย์​อีกด้านละ​ 4 องค์​ ด้านขวาพระอุโบสถ​มีอาคารไม้เก่ายกพื้นสูงน่าจะเป็นศาลาการเปรียญ​ หน้าพระอุโบสถ​มีสะพานคนเดินข้ามไปออกถนนพระราม​ที่ 3 ซอย​ 65 เลี้ยวซ้ายช้ามคลองไปจะเห็นพระอุโบสถ​ใหม่​ ทรงจตุร​มุข​ยอดมณฑป​ มีช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ ไม่เปิดให้เข้า​ เมื่อสัปดาห์​ก่อนผมได้มาไหว้พระเก้าวัดแถบบางคอแหลม​ วันนี้ผมมาไหว้พระ​ต่อแถบยานนาวา​ เริ่มจากวัดไผ่เงิน​ วัดไทร​ วัดดอก​ไม้​ วัดทองบน​ วัดปริวาส​ วัดด่าน​ วัดคลอง​ใหม่และวัดคลองภูมิ​ ก่อนมาวัดช่องนนทรีเป็นวัดที่เก้าครับ

เจริญ แฉกพิมาย มีหลวงพ่อต่อและยกเว้นจันทร์และพฤหัสฯมีตลาดนัดคนซื้อแม่ค้ามากมาย

Suphakorn Panyangam เชิญชวนมากราบไหว้ติดทองหลวงพ่อศิริไอย์ศวรรย์และพระพุทธรูปที่คนไทยนับถือ, รูปหล่อพระเกจิเถราจารย์เรืองวิทยาคมของสยามประเทศในวิหารหลวงพ่อศิริไอย์ศวรรย์ แต่อย่าลืมไปติดทองอดีตเจ้าอาวาสที่มณฑปบูรพาจารย์มีพระบรมสารีริกธาตุและรูปหล่อพระครูปลัดแพ อินทสโร และ พระราชรัตนาภรณ์ ที่วัดยังมีที่ทำบุญให้อาหารปลา วัดอยู่ใกล้กับอาคารรัฐสภา ผมมาทำบุญวันที่ 26/1/68 ส่วนประวัติ พระราชรัตนาภรณ์ ก็ตามนี้ครับ “พระราชรัตนาภรณ์” (บุญช่วย กัมมสุโภ) มีนามเดิมว่า บุญช่วย บูชา เกิดเมื่อวันที่ 12 เม.ย.2491 ที่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 1 บ้านดอนกระเบื้อง ต.บางตะเคียน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ครอบครัวมีอาชีพทำนา ในช่วงวัยเยาว์ บรรพชาที่วัดบางสาม ต.บางตะเคียน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ขณะเป็นสามเณรได้ศึกษาเล่าเรียน พ.ศ.2512 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก และสอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค สำนักเรียนวัดสองพี่น้อง จนเมื่ออายุครบ 22 ปี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2513 ณ วัดบางสาม มีพระครูอุภัยภาดาทร (หลวงพ่อขอม) วัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระโกวิท โกวิโท วัดสอง พี่น้อง ต.ต้นตาล อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระมหาสอิ้ง สิรินันโท (พระธรรมพุทธิมงคล วัดป่าเลยไลยก์) วัดสองพี่น้อง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า กัมมสุโภ หมายถึง ผู้มีหน้าที่การงานอันสะอาด หลังอุปสมบท เดินทางไปศึกษาหาความรู้และศึกษาพระปริยัติธรรมในกรุงเทพฯ อยู่จำพรรษาวัดแก้วฟ้าจุฬามณี สามารถสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค สำนักเรียนวัดชัยพฤกษมาลา เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ต่อมาในปี พ.ศ.2525 ท่านได้เดินทางไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยปัตนะ รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ใช้เวลา 3 ปี สำเร็จการศึกษาระดับชั้นปริญญาโท สาขาปรัชญาพระพุทธศาสนา ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2517 เป็นเจ้าอาวาสวัดแก้วฟ้าจุฬามณี พ.ศ.2522 เป็นเจ้าคณะแขวงถนนนครไชยศรี-บางซื่อ เขต 3 พ.ศ.2523 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2532 รักษาการเจ้าคณะเขตบางซื่อ พ.ศ.2533 เจ้าคณะเขตบางซื่อ ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2546 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะเขตชั้นพิเศษ ในราชทินนามที่ พระครูศรีรัตนคุณ พ.ศ.2549 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่ พระรัตนเมธี พ.ศ.2554 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ พระราชรัตนาภรณ์ พระราชรัตนาภรณ์ส่งเสริมให้พระภิกษุ-สามเณรภาย ในวัดทุกรูป ได้ศึกษาเล่าเรียนทั้งแผนกธรรม บาลี และสายสามัญ ให้แต่ละรูปมีความรู้ที่สูงยิ่งขึ้นไป เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการช่วยกันพัฒนาสังคมและประเทศชาติ โดยท่านได้ส่งเสริมและคอยช่วยให้กำลังใจแก่พระและสามเณร ทุกรูป เมื่อสอบได้จะให้รางวัลเป็นทุนการศึกษา ส่วนงานปกครองในวัด ท่านแนะนำสั่งสอนให้พระทุกรูปอยู่ด้วยกันแบบพึ่งพาอาศัยกันได้ ให้ทุกรูปมีหน้าที่ต่างกันในการรับผิดชอบ นอกจากนี้ยังส่งเสริมเด็กๆ เยาวชนของชาติ โดยวัดแก้วฟ้าจุฬามณีไม่มีโรงเรียนประจำ ท่านจึงได้เปิดเป็นศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภายในวัด เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองเด็กที่ต้องไปทำงานหาเลี้ยงชีพในชุมชน ในตำแหน่งงานเจ้าคณะเขตบางซื่อ ได้จัดประชุมพระนวกะในเขตบางซื่อและ เขตดุสิตร่วมกัน จัดให้มีการสอบธรรมชั้นนวกภูมิควบคู่ไปกับการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานจำนวน 7 วัน ติดต่อกัน ส่วนวัดในเขตปกครอง ท่านได้เข้าไปดูแลแนะนำในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์และปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งมาด้วยดีโดยตลอด จนเป็นที่เคารพนับถือของพระภิกษุสามเณรในเขตทุกรูป นอกจากนี้ วัดแก้วฟ้าจุฬามณี ยังเป็นศูนย์รับบริจาคเครื่องอุปโภคและบริโภคต่างๆ เพื่อนำไปช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยอุทกภัย ในหลายจังหวัดเสมอ “พระราชรัตนาภรณ์” (บุญช่วย กัมมสุโภ) มรณภาพด้วยโรคมะเร็ง เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 11 ก.ย.2560 ที่โรงพยาบาลศิริราช สิริอายุ 69 ปี พรรษา 47