เจดีย์ศรีมหาธาตุ

5 /5 ธวัชชัย อารีย์: พระเจดีย์ศรีมหาธาตุ – เป็นเจดีย์ทรงกลมขนาดใหญ่ ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งทำการอัญเชิญมาจากประเทศอินเดียและทำที่บรรจุเมื่อปี พ.ศ. 2484 และมีการสร้างเป็นเจดีย์ 2 ชั้น ชั้นนอกเป็นเจดีย์องค์ใหญ่ ชั้นในเป็นเจดีย์องค์เล็ก สามารถเดินรอบเจดีย์ โดยบริเวณผนังเจดีย์องค์ใหญ่มีแผ่นหินบรรจุอัฐิของผู้เสียชีวิต จำนวน 112 ช่อง และเมื่อสังเกตดูจะพบว่าเป็นอัฐิของคนมีชื่อเสียงหลายคน และทุกคนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในปี พ.ศ. 2475 เช่น จอมพล ป.พิบูลสงคราม พันเอกพระยาทรงสุรเดช พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกยกย่องให้เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ

5 /5 Maithong Anika “OumEim”: เป็นวัดที่เงียบสงบอยู่ใกล้เมือง ไม่วุ่ยวาย เย็นสบาย เดี๋ยวนี้มีร้านขายอาหารปลาด้วย ไม่ต้องหาซื้อเข้าไปเองเหมือนเมื่อก่อน

5 /5 puc thu: "พระอาราม วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน กทมฯ" คณะฑูตพิเศษ อันมีหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นหัวหน้า อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และดินสังเวชนียสถานจากประเทศอินเดีย มากรุงเทพฯ เมื่อเดือนตุลาคม ๒๔๘๓ หลวงวิจิตรวาทการ ประธานกรรมการอำนวยการก่อสร้างวัดพระศรีมหาธาตุ รัฐบาลอินเดียขณะนั้น ได้พิจารณาเห็นว่าประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธาในบวรพุทธศาสนา มีอยู่ในนานาประเทศเป็นจำนวนมาก แต่ประเทศเอกราชที่ยกย่องพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ และพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขก็เป็นพุทธมามกะและทรงเป็นองค์อัครพระพุทธศาสนานูปถัมภก ก็มีอยู่แต่ประเทศไทยประเทศเดียวเท่านั้น รัฐบาลอินเดียจึงได้ยินดีมอบพระบรมสารีริกธาตุ ที่ขุดค้นพบ ณ มหาสถูปธรรมราชิกะ เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พร้อมทั้งกิ่งพระศรีมหาโพธิ์ และดินจากสังเวชนียสถาน ให้ตามความประสงค์ รัฐบาลจึงได้ตกลงอัญเชิญสิ่งอันเป็นมิ่งมหามงคลเหล่านั้น มาประดิษฐานไว้ในพระอารามที่จะสร้างขึ้นมาใหม่นี้ และโดยที่เห็นว่าต้นพระศรีมหาโพธิ์กับพระบรมสารีริกธาตุ เป็นสิริมงคลแก่วัดแห่งนี้ จึงได้เปลี่ยนนามวัดใหม่ ให้เป็นไปตามประเพณีแต่โบราณ ว่า "วัดพระศรีมหาธาตุ" การสร้างวัด โดยเหตุที่วัดพระศรีมหาธาตุแห่งนี้ เป็นวัดเริ่มแรกของระบอบประชาธิปไตย ดังได้กล่าวมาแล้ว และเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ปูชนียวัตถุอันทรงคุณค่าสูงสุดของชาวพุทธ เพื่อเป็นการเชิดชูพระบวรพุทธศาสนา และรักษาไว้ซึ่งแบบฉบับศิลปกรรมการช่างของไทย รัฐบาลในสมัยนั้นจึงได้มอบหมายให้ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชาญทางด้านการช่างสาขาต่างๆมาร่วมมือกันสร้าง โดยในชั้นแรกได้มอบหมายให้ พ.อ.หลวงเสรีเริงฤทธิ์ (พลเอก จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์) รัฐมนตรีร่วมรัฐบาลในสมัยนั้น และยังเป็นอธิบดีกรมรถไฟ (ขณะนั้นยังมิได้มีฐานะเป็น "การรถไฟแห่งประเทศไทย" ดังปัจจุบัน) อีกด้วย ร่วมกับ หลวงวิจิตรวาทการ รัฐมนตรีและอธิบดีกรมศิลปากรในเวลานั้น เป็นผู้อำนวยการก่อสร้าง ในด้านการออกแบบแปลนแผนผังสิ่งก่อสร้างต่างๆ ทั้งหมด ในวาระแรกสถาปนาพระอารามแห่งนี้นั้น หลวงวิจิตรวาทการกับพระพรหมพิจิตร เป็นผู้ออกแบบ นายช่างของกรมศิลปากรและกรมรถไฟ เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ต่อมาก็ได้เชิญผู้มีเกียรติผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายท่าน ให้เข้ามาช่วยเหลือร่วมมือในการก่อสร้าง จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี กลายเป็นพระอารามที่ใหญ่โตโอ่อ่าสง่างาม ควรแก่การภาคภูมิใจได้อีกแห่งหนึ่ง ที่ได้บรรจงสร้างขึ้นมาในยุคใหม่นี้

5 /5 SuperG BHappy: มาช่วงเย็น สวยงามมากๆ มีที่จอดรถเยอะมาก

5 /5 Munee Sitthisak (Tooke Station): เจดีย์วัดพระศรีมหาธาตุ สัญลักษณ์ที่น่าสนใจอีกประการคือ เจดีย์วัดพระศรีมหาธาตุถูกออกแบบส่วนยอดให้ไม่มีบัลลังก์และมีจำนวนบัวกลุ่มที่ยอด 6 ชั้น ซึ่งมิใช่ระเบียบโดยทั่วไปขององค์ประกอบเจดีย์ที่หากทำยอดเป็นบัวกลุ่มมักจะออกแบบให้ชั้นบัวกลุ่มนี้เป็นเลขคี่ และเลขคี่ที่นิยมคือ 5 7 9 และ 11 ชั้น . ดังนั้นการทำบัวกลุ่ม 6 ชั้นซึ่งแปลกกว่าระเบียบปกติ จึงอาจจะสื่อความหมายถึง "หลัก 6 ประการ" ของคณะราษฎรที่ได้ประกาศไว้ในเช้าของวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ก็เป็นได้ เนื่องจากสถาปัตยกรรมยุคคณะราษฎร มีความนิยมใช้เลข 6 เป็นส่วนประกอบหนึ่งของการออกแบบอาคารเพื่อสื่อถึงหลัก 6 ประการในหลายต่อหลายอาคาร อาทิ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ศาลากลางจังหวัดอยุธยา กระทรวงยุติธรรม และอาคารกรมไปรษณีย์ บางรัก เป็นต้น