หาดชมตะวัน

Thanabhoph Bhumibhark เป็นว้ัดที่สวยงามอย่างยิ่งโดยเฉพาะเวลาที่โดนแสงแดด จะส่องประกราย แพรวพรายมาก เชิญมาทำบุญได้ที่วัดนี้ ด้านหน้าจะเป็นรูปพญานาค สวยงาม

Nora Honora วัดถ้ำนี้เดินง่ายมาก ทางเข้าอยู่ใกล้ๆเมน ต้องเดินลงบันไดเข้าถำ้ ถ้ำไม่ลึก ไม่น่ากลัว ไม่อับ หินย้อยสวย วัดติดไฟสว่างสดใส แนะนำหยอดเหรียญเสี่ยงทายในถ้ำดีต่อใจ แล้วค่อยเดินเลาะบันได ชมความงามหินย้อยก่อนออกมา

ลุงเม่า On the way เป็นวัดป่าที่อยู่ห่างไกลจากชุมชน มีประติมากรรมพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ที่ช่างได้แกะสลักไว้อย่างสวยงามบนหน้าผา นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดนครราชสีมา โดยทางวัดได้ให้ช่างไปแกะสลักหน้าผาหินทราย เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่จำนวน 2 องค์ ประกอบด้วยพระพุทธรูปปรางค์สมาธิ มีชื่อเรียกว่า พระพุทธมุนี ขนาดหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 6 เมตร และอีกองค์เป็นพระพุทธรูปปรางค์ไสยาสน์มีชื่อว่า พระเชฏฐ์ไตรภพมุนี มีขนาดความกว้างของฐาน 16 เมตร สูง 2.5 เมตร ทั้งสององค์เป็นงานประติมากรรมนูนต่ำ โดยผลงานการแกะสลักนั้นมีการแกะสลักเก็บรายละเอียดอย่างสวยงาม ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดที่อุดมสมบูรณ์รายล้อม ถัดจากพระไสยาสน์ยังมีทางเดินขึ้นไปชมวิวบนยอดเขาได้ด้วย ทางจะรกเล็กน้อย เส้นทางไปยังพระทั้งสององค์ต้องเดินขึ้นเขามีบันไดทำไว้ให้ ช่วงท้ายๆ เดินขึ้นตามก้อนหินเล็กน้อยมีเชือกให้จับในบางช่วง

natthapon w วัดหน้าพระธาตุ หรือชาวบ้านเรียกวัดแห่งนี้อีกชื่อหนึ่งว่าวัดตะคุ เป็นวัดเก่าแก่ของชาวปักธงชัย สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2330 หรือในช่วงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โบสถ์หลังเก่า ตั้งอยู่ข้างโบสถ์ใหม่ เป็นหลังดั้งเดิมมีมาแต่ครั้งสร้างวัด ฐานโบสถ์มีลักษณะแอ่นโค้ง ที่ศัพท์ทางช่างเรียกว่า ตกท้องสำเภา หรือท้องช้าง หรือท้องเชือกซึ่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ช่างนิยมทำกันในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา และต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ที่น่าสนใจคือส่วนของหลังคาซึ่งไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์เช่นโบสถ์ที่พบเห็นทั่วไป ซึ่งคล้าย "ศิลปะพระราชนิยม" ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในโบสถ์มีภาพเขียนซึ่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์น่าชม เป็นภาพแสดงเรื่องราวต่าง ๆ เช่น ภาพชาดกตอนต่าง ๆ ภาพพระบฏ (พระพุทธเจ้าทรงยืน) ภาพการนมัสการรอยพระพุทธบาท ภาพพิธีศพหรืออสุภกรรมฐาน พระมาลัย นอกจากนี้ยังสอดแทรกวิถีชีวิตชาวบ้านด้วย ในอดีตมีภาพเขียนทางด้านนอก แต่ปัจจุบันลบเลือนไปมากแล้ว เหลือเพียงบางส่วนที่เหนือประตูทางเข้าด้านหน้า หอไตรกลางน้ำ ตั้งอยู่หน้าโบสถ์หลังเก่า หอไตรหลังนี้ยกพื้นสูงชั้นเดียวตั้งอยู่ในสระน้ำ มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเรือนไทยหลังคาจั่วภาคกลาง ผนังอาคารเป็นแบบฝาปะกน เหตุที่ต้องสร้างอยู่ในน้ำเพราะหอไตรเป็นที่เก็บพระไตรปิฎก ตำราคัมภีร์โบราณซึ่งทำจากใบลานเป็นส่วนใหญ่ มอดมดปลวกจึงมักมาแทะกัดกินทำให้เกิดความเสียหาย คนโบราณจึงได้สร้างสระน้ำ ป้องกันไม่ให้สัตว์ต่าง ๆ ขึ้นไปทำลายพระธรรมคัมภีร์เหล่านั้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปหยิบไปใช้ก็จะมีสะพานพาดไปที่บันไดทางขึ้นหอไตร เสร็จแล้วก็ยกออก ปัจจุบันหอไตรนี้ไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามหน้าที่เดิมแล้ว

Lunga RJ คนหนุ่มเดิน 20-30 นาที แบบเดินหยุดๆ เมื่อยขาเล็กน้อย ยิ่งเหนื่อยก็แสดงความมุ่งมั่นตั้งใจ ขึ้นไปกราบองค์พระและขอพรในสิ่งที่ตั่งใจให้เกิดและต้้งใจลงมือทำ วิวสวย หากไปเช้าหรือเย็นแดดร่มแล้วจะดี ด้านบนมีที่พอให้หลบแดดเล็กน้อย พกน้ำไปจิบระหว่างทางดีเลย

สุกัญญา เบิร์ด สวยงามคะ วัดบ้านเกิดคะ

Happy Do ไปกราบหลวงพ่อใหญ่บนโบสถ์สวยงาม อิ่มเอิบใจดี.. เมื่อ 24 ก.พ 67 มีพิธียกฉัตรมหาเจดีย์ระฆังพรหมรังสี เป็นที่ปลาบปลื้มของผู้ร่วมงานยิ่งนัก ตอนเครนกำลังยกฉัตรขึ้น ฟ้าก็ปิด กล่าวคือ แสงแดดที่ร้อนจ้า ก็ร่มลงอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งฉัตรถึงยอดมหาเจดีย์ฯ เป็นที่เรียบร้อย ฟ้าก็กลับมาเปิด แดดค่อยๆ สว่างร้อนจ้า .. ทั้งอุโบสถและมหาเจดีย์ของวัดดอนชมพู ล้วนมาจากการริเริ่มของท่านเจ้าคุณเที่ยง-พระเดชพระคุณฯ พระธรรมธีรราชมหามุนี อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม โดยท่านพื้นเพเป็นคนบ้านดอนชมพู ท่านจึงกลับมาสร้างโบสถ์ให้วัดเล็กๆของชาวบ้านดอนชมพู และต่อมาก็ได้สร้างพระมหาเจดีย์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชามหาอาจาริยบูชา เจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ..ถึงแม้ท่านเจ้าคุณฯ จะมรณะภาพไปแล้ว แต่คณะศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาก็ร่วมกันสานต่องานของท่าน เมื่อใดที่มองเห็นอุโบสถ&มหาเจดีย์ เราก็น้อมสำนึกในเมตตาของท่านเจ้าคุณเที่ยง ที่ได้พาสร้างพาทำให้เราได้มีส่วนสนับสนุนค้ำจุนพระพุทธศาสนาสืบต่อไป

natthapon w ภาพเขียนสีที่เพิงหินทรายยุคก่อนประวัติศาสตร์อายุ 4,000 ปี อยู่ในวัดเขาจันทร์งาม ตั้งอยู่เชิงเทือกเขาเขื่อนลั่น บ้านเลิศสวัสดิ์ ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของภาคอีสาน สำรวจพบครั้งแรกในปี พ.ศ. 2526 ภาพเขียนสี จะอยู่ในกลุ่มหินขนาดใหญ่คล้ายหน้าผา ด้านข้างหนึ่งที่เพิงผาหินทรายขนาดใหญ่มีภาพเขียนสีแดงค่อนข้างชัดเจน ตัวภาพอยู่สูงจากพื้นระหว่าง 3-4 เมตร เล่าเรื่องราวกิจกรรมของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เดินดูรอบ ๆ แล้วมีทั้งภาพกลุ่มคน สัตว์ทั้งแบบเงาทึบ ภาพร่าง ภาพลายเส้น ภาพที่โดดเด่นและน่าสนใจ คือ ภาพคนที่มีทั้งชาย หญิงและเด็กในอิริยาบถต่าง ๆ เช่น นั่ง ยืน เต้นรำ และยิงธนู มองดูแล้วเหมือนคนยุคก่อนประวัติศาสตร์กำลังบันทึกเล่าเรื่องในตัวเองเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการล่าสัตว์ การละเล่นในวิถีชีวิตที่น่าสนใจมาก ปัจจุบันภาพส่วนใหญ่สึกกร่อนดูเลือนรางไปมาก เหลือร่องรอยจาง ๆ มีเพียงไม่กี่ภาพที่ยังสมบูรณ์อยู่

gan T ปรางค์พะโคเป็นโบราณสถานขนาดเล็ก ก่อด้วยอิฐและหินทราย เดิมมี 3 หลัง ปัจจุบันเหลือเพียง 2 หลัง ตั้งอยู่ข้างถนน 224 ถ้าไปจากโชคชัยจะอยู่ก่อนถึงครบุรีราว 40 กิโล