5 /5 Suporn Kulwatnantachai: วัดเก่าแก่ขนาดไม่ใหญ่ เดิมชื่อว่าวัดพิกุลทองหรือวัดพิกุลทองคลองนางหงส์ ชาวบ้านเรียกกันว่าวัดสามง่าม ไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่สันนิษฐานจากหลักฐานทางศิลปกรรมว่าน่าจะสร้างขึ้นสมัยต้นกรุงฯ ต่อมาปีแรกในรัชกาลที่ 3 พระยาชำนิหัตถการ นายช่างในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ วังหน้าในรัชกาลที่ 3 ได้ปฏิสังขรณ์วัดขึ้นใหม่ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นวัดพระยาชำนิ ต่อมารัชกาลที่ 4 พระราชทานนามวัดใหม่เป็นวัดชำนิหัตถการ ตั้งอยู่บนถนนพระรามที่ 1 เชิงสะพานกษัตริย์ศึก ตรงข้ามวัดคลองสระบัว เมื่อเข้าวัดจะเห็นพระอุโบสถ เป็นแบบพระราชนิยมสมัยรัชกาลที่ 3 ไม่มีช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ หน้าบันมีปูนปั้นลายพฤกษาแบบจีน หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีการยกคอสอง คือยกหลังคาขึ้นจากส่วนชายคา มีการเจาะซุ้มโค้งยอดแหลมโดยรอบ การยกคอสองนี้พบในงานช่างวังหน้า เช่นวัดบวรนิเวศน์ มีใบเสมามีกระหนกงอนเอวคอด สลักดอกไม้ตรงกลาง สองข้างและที่ฐาน ด้านบนเป็นกลีบดอกบัวมีรัดเกล้าและชายคลุม ตั้งอยู่ 8 ทิศ ด้านในมีพระศรีสรรเพชญทศพลญาณ พระปางมารวิชัยเป็นพระประธาน ตั้งลดหลั่นกัน 3 องค์มีขนาดใกล้กัน มีพระอัครสาวกนั่งสองข้าง ข้างซ้ายมีพระยืนโบราณเรียงลดหลั่นกัน 7 องค์ ข้างขวามีมณฑปประดิษฐานพระบรมธาตุ หน้าอุโบสถมีพระสีวลียืนอยู่ตรงกลาง สองข้างนั่งซึ่งเป็นที่แรกที่เห็น และมีพระอุปคุตนั่งบนเปลือกหอย ด้านหลังมีพระนอนสมัยรัชกาลที่ 5 ถัดเข้าไปเป็นวิหารพระนอน เป็นแบบพระราชนิยมสมัยรัชกาลที่ 3 หน้าบันมีปูนปั้นลายพฤกษาเช่นกัน แต่หันจั่วไปแนวทิศเหนือใต้ องค์พระนอนมีพระพักตร์นิ่งอย่างหุ่น นิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 ผนังภายในตอนบนเจาะช่องประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ โดยรอบ ถัดเข้าไปทางซ้ายหน้าพระอุโบสถมีศาลาตรงกลางประดิษฐานพระศรีอริยเมตไตร ทางซ้ายเป็นพระสีวลี ทางขวาเป็นพระสังกัจจายน์ เมื่อต้นเดือนผมได้ไปไหว้แถบสามเสน วันนี้ผมไปถวายราชสักการะอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ รัชกาลที่ 9 เสร็จแล้วข้ามมาไหว้พระวัดเบญจมบพิตร วัดสมณานัมบริหาร วัดพลับพลาชัย วัดเทพศิรินทร์ และวัดสระบัว กาอนข้ามมาวัดชำนิหัตถการ แล้วจะไปต่อวัดบรมนิวาสครับ